4 วิธีใช้เงินแบบชาญฉลาดที่คนรวยไม่เคยบอกคุณ

4 วิธีใช้เงินแบบชาญฉลาดที่คนรวยไม่เคยบอกคุณ

เชื่อว่าในโลกยุคปัจจุบันที่วัตถุสิ่งของเป็นเหมือนทรัพย์สินที่เราต้องมี การเข้าสู่โลกทุนนิยม เมื่อเราทำงานและเริ่มมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว เราก็มักจะใช้เงินไปกับการปรนเปรอความสุขของตนเองไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ การแต่งตัวให้ทันสมัย การเข้าคลินิกเสริมความงามเพื่อดูแลตนเอง การซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ซื้อบ้าน ซื้อรถ และอื่น ๆ อีกมากมาย การไปท่องเที่ยวปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ การเลี้ยงฉลองเนื่องในเทศกาลและโอกาสต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราแทบหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย และวันดีคืนดีเมื่อเรากลับมาดูเงินในปัญชีก็พบว่าร่อยหรอลงไปเยอะมาก เงินเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหมดเกลี้ยง ซึ่งวันดีคืนดีเราอาจจะต้องมีอันให้ได้ใช้เงินก้อนนี้แบบกะทันหันแต่ก็ไม่มีเงินให้ใช้เสียแล้ว ในวันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 4 วิธีใช้เงินแบบชาญฉลาดไม่ให้เงินรั่วไหลหมดกระเป๋าแบบฉบับที่คนรวยไม่เคยบอกคุณ

เปิดบัญชีเงินสำรองฉุกเฉิน เมื่อเงินเดือนเข้าให้ตัดเงินเข้าบัญชีนี้อัตโนมัติ

เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่มักจะทำกันเพื่อป้องกันการใช้จ่ายเงินเพลิน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลเลยทีเดียว เพราะเมื่อเงินเดือนเข้าก็จะถูกตัดไปบัญชีนั้นโดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ทันแม้แต่จะกดใช้ เงินที่เหลือเราก็สามารถนำไปบริหารใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้การตัดเงินอัตโนมัติเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนแล้วว่าจะเปิดไว้กี่บัญชี โดยบางคนที่ไม่อยากจะหมดเงินไปกับของฟุ่มเฟือยเยอะก็สามารถเปิดบัญชีสำรองฉุกเฉินไว้ 2-3 บัญชีก็ได้เพื่อให้ตัดเงินเข้าแบบอัตโนมัติ แล้วส่วนที่เหลือเราก็สามารถใช้จ่ายได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะไม่มีเงินเก็บสำรอง

คิดทบทวนและวางแผนว่าในแต่ละเดือนเราต้องหมดรายจ่ายไปกับอะไรบ้าง

แน่นอนว่ายิ่งเราอายุเยอะ แม้รายได้จะเยอะขึ้นแต่อย่าลืมว่าค่าใช้จ่ายก็จะเยอะขึ้นตามไปด้วย บางคนที่แต่งงานมีครอบครัวและแยกออกจากบ้านพ่อแม่มาอยู่กับครอบครัวเองก็จะมีภาระต่าง ๆ ที่ทวีคูณมากขึ้น ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านที่เราจะต้องเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมรายได้รายจ่ายของเราได้ดีที่สุดก็คือการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนเพื่อดูว่ารายรับที่เรามีจะเพียงพอต่อรายจ่ายต่าง ๆ หรือไม่ เพื่อให้เราสามารถวางแผนเรื่องการลงทุนและการเก็บเงินได้อย่างเพียงพอต่ออนาคตโดยที่ไม่ทำให้ตนเองและคนรอบข้างเดือดร้อน

อย่าทำบัตรเครดิตเด็ดขาดถ้าหากเป็นคนที่ควบคุมการใช้งานตนเองไม่อยู่

บัตรเครดิตก็คือดาบสองคม แม้จะมีข้อดีมากมายอย่างการใช้จ่ายเพื่อสะสมแต้มไว้ cash back หรือแลกเป็นของสมนาคุณต่าง ๆ ช่วยให้เราซื้อของหรือใช้บริการที่อยากได้โดยไม่ต้องใช้เงินในกระเป๋าตนเอง แต่ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกันถ้าหากเราเป็นคนที่ควบคุมสติควบคุมการใช้เงินตนเองไม่อยู่หรือบริหารเงินไม่เป็น รูดซื้อของจนเกินโควตาจนต้องเปิดบัตรใหม่เพื่อนำเงินมาใช้หนี้บัตรเดิมและวนลูปแบบนี้ไปไม่รู้จบจนสุดท้ายจากหนี้เล็ก ๆ ก็กลายเป็นหนี้ก้อนโตจนโดนฟ้องล้มละลายในที่สุด ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตแต่ละครั้งเราจะต้องคำนึงว่าเราพอมีเงินสำรองไว้จ่ายหนี้คืนแบบทันเวลาเพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยทวีคูณ และถ้าหากเรายังพอมีเงินสดหรือเงินในบัตรเดบิตก็ควรจะใช้เงินส่วนนี้ไปก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากดอกเบี้ยเครดิตทวีคูณ

ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือค่าใช้จ่ายที่เกินตัวลง

การซื้อของจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ เราอาจจะมองว่ามันเป็นเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา เช่นการซื้อชานมไข่มุกกินทุกวันหลังเลิกงาน แม้จะเป็นเพียงค่าใช้จ่ายเล็กน้อยที่เราไม่ได้เสียดายอะไรนัก แต่ถ้าเราลองมองย้อนดูดี ๆ ชานมไข่มุกที่เราซื้อกินทุกวันแก้วละ 60 บาท คูณ 30 ก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะทีเดียวและอาจนำเงินก้อนนี้ไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นได้  ดังนั้นเราจึงควรลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลงเพื่อการเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กว่าที่เราจะเก็บเงินได้จำนวนเยอะ ๆ นั้นเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้นใครที่คิดว่าอยากจะเก็บเงินแบบจริงจังและลดพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัวแบบเดิมลงก็ถือว่ายังไม่สายจนเกินไป เพราะไม่ว่าเราจะมีรายได้หรือรายจ่ายมากน้อยเท่าไหร่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการรู้จักวางแผนการเก็บเงินและบริหารเงินที่มีอยู่ให้เป็น

ติดตามและไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของ สาวสวย