3 ประเภทโปรแกรมที่สาย ART ควรเรียนรู้และมีติดเครื่องไว้ ช่วยเพิ่มรายได้อย่างมหาศาล

3 ประเภทโปรแกรมที่สาย ART ควรเรียนรู้และมีติดเครื่องไว้ ช่วยเพิ่มรายได้อย่างมหาศาล

สำหรับใครที่ทำงานสาย Art เชื่อว่าคงคุ้นเคยกันดีกับโปรแกรมเหล่านี้ เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้ประกอบอาชีพและยังช่วยสร้างรายได้สร้างงานให้แก่เราอีกด้วย นอกจากนั้นใครที่สนใจก็สามารถลองใช้ลองศึกษากันได้เพื่อที่จะนำมาทำเป็นงานเสริมนอกเหนือจากงานประจำ ทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น เราคงคุ้นเคยและสัมผัสกับงาน Art งานศิลป์ที่มีให้เห็นทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหาร ป้ายแบนเนอร์โฆษณาบนทางด่วน แบนเนอร์สินค้าในเพจเฟสบุ๊ค ภาพกราฟิกพื้นหลังสมาร์ทโฟนของเรา ลวดลายบนบรรจุภัณฑ์สินค้า และงานอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนต่างถูกสร้างสรรค์มาจากนักออกแบบโดยใช้โปรแกรมเหล่านี้ และในวันนี้เราได้รวบรวม 3 ประเภทโปรแกรมที่สาย ART และผู้ที่สนใจควรเรียนรู้พร้อมมีติดเครื่องไว้ เพราะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ได้อย่างมหาศาล

1. สายงาน Graphic

Adobe Photoshop ใช้สำหรับงานรีทัชภาพและตัดต่อรูป สร้างสรรค์งานศิลป์จำพวกโปสเตอร์ โบชัวร์ ป้ายโฆษณาต่าง ๆ โดยจะไม่ค่อยเน้นความละเอียดของภาพเท่ากับ Illustrator มากนัก

Adobe Illustrator ใช้สำหรับงานเวกเตอร์ สร้างสรรค์งานศิลป์จำพวกงานวาด คาแรคเตอร์ดีไซน์ โบชัวร์ แผ่นพับ เหมาะกับงานประเภทที่เน้นตัวอักษร ความละเอียดของภาพจึงมีมากกว่า Photoshop

Adobe Indesign ใช้สำหรับงานทำรูปเล่มหนังสือ จัดเรียงหน้ากระดาษ ทำนิตยสารต่าง ๆ

Adobe Dimension ใช้สำหรับงานสร้างบรรจุภัณฑ์ โดยจะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ช่วยให้เราสร้างงานได้ง่ายและสะดวกขึ้น

Adobe Lightroom ใช้สำหรับงานตกแต่งภาพ มีฟีเจอร์ปรับความคมชัดต่าง ๆ

2. สายงานตัดต่อ

Adobe Premiere Pro ใช้สำหรับงานตัดต่อวิดีโอ ทำ Vlog เหมาะกับสาย Youtuber หรือสายงานประเภททำคลิปต่าง ๆ

Adobe After Effects ใช้สำหรับงานกราฟิกที่เป็นวิดีโอหรือที่รู้จักกันในชื่อ Motion graphic ใช้สร้างฟีเจอร์ Effect ต่าง ๆ ในคลิปวิดีโอ

3. สายงาน 3D

SketchUp ใช้สำหรับงานขึ้นโมเดล 3D ต่าง ๆ เหมาะกับงานสถาปัตยกรรม ออกแบบภายใน ออกแบบผลิตภัณฑ์

3ds Max ใช้งานเหมือน SketchUp แต่ตัวโปรแกรมจะมีความซับซ้อนกว่า

AutoCAD ใช้สำหรับงานสถาปัตยกรรม ออกแบบภายใน ออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่จะเน้นการสร้างแปลนเขียนแบบ

Blender ใช้สำหรับงานขึ้นโมเดล 3D แต่จะเน้นไปที่งานอนิเมชั่น การ์ตูน หนัง

Maya ใช้งานเหมือน Blender แต่ตัวโปรแกรมจะมีความซับซ้อนกว่า

สายงานประเภทนี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เพราะไม่ว่าเราจะมองไปทางไหนเราก็เห็นแต่การสร้างสรรค์ผลงานที่มาจากโปรแกรมเหล่านี้ และถ้าหากเรามีใจรักในงานด้านนี้ หมั่นพัฒนาและฝึกฝนเป็นประจำ โดยทางลัดที่ช่วยให้เราพัฒนาได้ไวขึ้นคือการดูงานของคนต่างชาติเยอะ ๆ หรือฝึกจาก Tutorial ที่มีให้เห็นตามช่อง Youtube จำนวนมาก ไม่ช้าไม่นานเชื่อว่าเราจะสามารถหารายได้เสริมและทำเงินจากงานสาย Art นี้ได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว

ติดตามและไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของ สาวสวย